[Commu] · [EHW] · [Event] · [Fic] · [Keleb] · [Side Story]

[EHW] การบ้านวิชาแปลงร่าง

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของคอมมู

EHW_logoSlytherin_logo
Hogwarts houses : Slytherin

**********************************************

[EHW] การบ้านวิชาแปลงร่าง ปีการศึกษา 2019 (Deadline 30.11.2019)

 By : Keleb  Kyler  Bonneville (ปี 6)

Note : Fiction 1,260 คำ

ขอขอบคุณ : มีอา ฮาร์โมนี่ รุ่นน้องปี 5 ที่มาให้รังแ– แค่กๆ ด้วยนะคะ

**********************************************

Tender Intimidation

**********************************************

หลังจากปรบมือกันจนระบม ให้กับการโชว์ร่ายเวทแปลงร่างสิ่งของในชั่วโมงแปลงร่างของ
ศาสตราจารย์แม็คโคลสัน พวกเราก็ได้โจทย์การบ้านวิชาแปลงร่างติดไม้ติดมือกันออกมา
ตามระเบียบ งานนี้เหมือนจะต้องขอความร่วมมือจากเหล่าสัตว์เลี้ยงของพวกเราด้วย ตามโจทย์
ที่ได้รับมา… สำหรับผมก็คือเจ้าแมวสก็อตทิชโฟลด์ตัวอ้วน หรือมิสเตอร์ทิกเกอร์นั่นเอง

ระหว่างเดินกลับหอผมก็คิดไปเรื่อย ว่าจะแปลงร่างทิกเกอร์เป็นอะไรดี ผมอยากให้มันเป็น
อะไรที่ไม่สยองเกินไปนัก ลองนึกถึงภาพติดตาระหว่างที่ฝึกทำการบ้านดูสิ แก้วน้ำมีขนยุ่บยั่บ
หรือของใช้ที่มีขาแมวอ้วนๆยื่นออกมา มันคงไม่ค่อยน่าดูสักเท่าไหร่

ผมพยายามคิดไปถึงความอบอุ่น และพุงนุ่มหยุ่นของเจ้าทิกเกอร์ เวลาที่ผมเอาหน้าลงไป
ซุกไซร้เจ้าลูกแมวตัวกลมจนเป็นลูกขนุนนั่น…

ใช่เลย! หมอนนี่ล่ะ แปลงแมวให้เป็นหมอนผ้าห่ม แบบมีที่ซุกมือเข้าไปด้วยได้น่าจะดี
ช่วงนี้อากาศก็ชักยิ่งหนาวๆ อยู่แล้วด้วย หิมะก็โปรยปรายลงมาได้แทบทุกวัน ไม่เห็นใจคน
ไม่ถูกกับอากาศหนาวเลยสักนิด ฝึกเอาไว้คงไม่เสียหลาย จะได้ซุกหมอนเจ้าทิกเกอร์นอนได้
แบบที่ไม่โดนอุ้งมังคุดของมันถีบหน้าดูบ้าง

คืนนั้นหลังจากหลอกล่อเจ้าแมวย้วยตัวแสบมานั่งบนตักได้สำเร็จ ผมก็จัดการร่ายมนต์

“Cat to Hand Pillow!”

“………”

“Cat to Hand Pillow!”

“Cat to Hand Pillow!”

ผมลองร่ายอยู่หลายครั้ง แรกๆ ออกเสียงไม่ชัดเวลาพูดคำยาวๆ หรือสมาธิแว่บไปนิดหน่อย
ก็ได้หมอนขนแมวฟูๆ ธรรมดาบ้าง ได้เป็นหุ่นมือรูปแมวบ้าง ทุกครั้ง ผมก็จะจดบันทึกเอาไว้เพื่อ
เขียนส่งเป็นการบ้าน

ซ้อมอยู่หลายครั้ง กระทั่งในที่สุด ก็ได้หมอนขนนุ่มรูปทรงเหมือนทิกเกอร์นั่งบนขาหลัง
ทำหน้าใสซื่อ อุ้งเท้าหน้าสองข้างกุมพุงตัวเองไว้  และมีช่องทางด้านข้างให้ซุกมือเข้าไปตรงพุง
แทนที่ขาหน้าของมันได้

“สำเร็จ!!” ผมหัวเราะร่าอย่างดีใจ และจัดการซุกหน้าและมือ ลงฟัดหมอนแมวที่ออกมา
ตรงตามที่ตนนึกวาดภาพไว้ก่อนหน้า

“……” หมอนรูปเจ้าทิกเกอร์ ทำให้ผมหวนนึกถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมา

ก่อนหน้านี้ผมเคยหาซื้อหมอนรูปแมวสก็อตทิชโฟลด์สีเทาสลับขาว ซึ่งหน้าตาคล้าย
เจ้าทิกเกอร์มากๆ ใบหนึ่ง เพื่อเอาไปเป็นของขวัญง้อรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่บ้านเรเวนคลอว์

ก่อนหน้านั้นพวกเราทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรผมก็จำไม่ได้แล้ว เพราะผมกับรุ่นน้องคนนี้
เดี๋ยวก็ดีกัน เดี๋ยวก็ตีกัน เรียกได้ว่าปีนึงๆ ทุกครั้งที่เจอหน้า ไม่แกล้งกัน ก็เถียงกันกว่าไปกว่าครึ่ง…
เพียงแต่อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ… มักเป็นเธอที่เป็นฝ่ายปลอบโยนและไถ่ถาม เวลาเห็นผมไม่สบายใจ
อยู่เสมอ…

จำได้เลาๆ ว่าผมเลือกซื้อหมอนหน้าแมวที่ดูคล้ายทิกเกอร์ไปให้ เพราะรู้ว่าอีกฝ่าย FC
แมวของผมขนาดไหน

ทั้งที่ตั้งใจไปง้อเรื่องที่ทะเลาะกันครั้งก่อนแท้ๆ กลับกลายเป็นว่า การส่งมอบด้วยการ
ปาหมอนรูปแมวน่ารักอัดหน้าน้องคราวนั้น กลายเป็นที่มาของการทะเลาะกันหนักกว่าเก่า
จนพวกเราไม่คุยกันไปหลายเดือนเลยทีเดียว

ทว่าบรรยากาศช่วงนี้ ไม่ค่อยเหมือนช่วงปีสองปีที่ผ่านมาแล้ว ทั้งเธอและผม เราต่าง
ก็โตขึ้นมาก แม้จะยังเต็มไปด้วยความซุกซนขี้แกล้ง แต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศระหว่าง
อยู่ด้วยกันที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป

ผมหลุดยิ้มเมื่อนึกย้อนไปถึงสีหน้าของเด็กสาวรุ่นน้องผมสีโรสโกลด์ตอนถูกผมเอ่ยปาก
ชวนไปงานยูลล์บอลแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า…

……………………..

‘…ไว้ไปยูลบอลกัน…’

หลังจากโดนยีผมจนยุ่งเด็กสาวก็ทำหน้ามุ่ย กระทั่งได้ยินคำชวนก็ทำตาโตมองกลับมา

‘นี่… จะชวนไปงานจริงเหรอ? ไม่ได้แกล้งพูดใช่มั้ย?’

‘แกล้งพูดมันสนุกตรงไหนกัน… แกล้งแบบนี้สิสนุกกว่า’

ผมพูดพลางจับปอยผมน้องทัดหู แล้วก้มไปหอมแก้มเบาๆ อย่างคนชักได้ใจ หลังจาก
อีกฝ่ายเคยหลุดปากว่ามีความรู้สึกดีๆ ให้กันอยู่บ้าง

‘พี่อ่ะ ชอบแกล้งมีอา นิสัยไม่ดีเลย’

เด็กสาวบ่นกลับเสียงอุบอิบ มือเล็กขาวเลื่อยไปกดหน้าอกเจ้าตัวไว้ ราวกับกลัวว่าผม
จะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเจ้าหล่อน

‘ก็ใครใช้ให้เราน่าแกล้งขนาดนี้ล่ะหื้ม’

เห็นอีกฝ่ายตัวแข็งทำไรไม่ถูกผมก็ยิ่งแกล้งด้วยความมันเขี้ยว แต่พออีกคนตั้งหลักได้
ก็หันมามองดุผมกลับ

‘มีอาไม่ได้น่าแกล้งสักหน่อย พี่หาเรื่องมาแกล้งเองมากกว่า’

‘ก็… ใช่ล่ะนะ’ ผมพูดพลางขำนิดๆ ‘คำตอบล่ะ?’

คราวนี้เด็กสาวกลับทำเป็นกอดอกคิดหนัก ‘เอาไงดี ไปด้วยดีมั้ยนะ หรือว่าไม่ไปด้วยดี?’

‘ทิกเกอร์อยู่กับฉัน ถ้ายังอยากเห็นหน้าเจ้านั่นอีกล่ะก็… หกโมงเย็นมารอหน้าห้องโถงด้วย…’

ผมเอ่ยปากขู่กรรโชกด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

‘ห๊ะ!….’ คราวนี้อีกฝ่ายทำหน้าเหวอกว่าเก่า

ปฏิกิริยาตอบกลับตลกๆ แบบนี้นี่ล่ะ ที่ยั่วให้ผมอยากแกล้งคนตรงหน้าอยู่เรื่อย

‘ถ้าไม่ไป พี่จะทำอะไรทิกเกอร์น่ะ?’

ผมเหยียดยิ้มกวน และยังคงขู่เธอต่อไป ทั้งที่ในใจกลั้นขำแทบแย่

‘เธอไม่อยากรู้หรอก… แล้วเจอกัน จริงสิ คงไม่ต้องให้ฉันกำชับหรอกนะ ว่าเรื่องนี้น่ะ
ห้ามบอกใคร’

ไหนๆ จะเล่นบทมาเฟียตัวร้ายละ ก็ต้องเข้าให้ถึงบทกันหน่อย ทั้งที่ในใจทั้งขำทั้งสงสัย
ว่าเธอคิดไปไกลถึงไหนของเธอกันนะ แมวก็แมวผม ผมก็รักของผมไหม จะไปทำอะไรมันลง
อย่างมากก็แค่ไม่ปล่อยออกไปเที่ยว ไม่ให้อีกฝ่ายได้เจอ ได้เล่นด้วยก็แค่นั้น

‘คนเอาแต่ใจ’ เด็กสาวตรงหน้าทำหน้างอ บ่นอุบต่อว่า ‘มีอาไปก็ได้ ไม่เห็นต้องขู่ขนาด
นั้นเลย’

ผมหลุดยิ้ม ยอมรับนิดนึงก็ได้ ว่าดีใจอยู่นิดหน่อย ก่อนไปเลยวางมือแปะลูบหัวน้อง

‘จะรอดูมีอาในชุดสวยๆ นะ’

อีกฝ่ายย่นจมูก แล้วตีมือผมคืนแปะๆ

……………………..

ผมขยำพุงหมอนแมวคล้ายกับกำลังเกาพุงให้ทิกเกอร์ พร้อมก้มลงไปถาม

‘ชอบเขารึเปล่าหื้ม?… เราน่ะ…’

ไม่มีคำตอบจากหมอนซุกมือรูปแมว… แต่สิ่งหนึ่งที่ผมคิดไว้ก็คือ…

…พรุ่งนี้จะเอาหมอนซุกมือนี่ไปขู่รุ่นน้องคนที่ว่านี่อีกดีกว่า…

…ใช่แล้ว… ถ้าเธอเบี้ยวนัดงานยูลล์บอลล่ะก็…

—End—

ใส่ความเห็น